ทราบกันหรือไม่ว่า ประเทศไทยเรามีพาสปอร์ต หรือ หนังสือเดินทางทั้งหมด 4 ประเภทด้วยกัน เราอาจจะเคยเห็นบางคนเป็นคนไทย แต่ทำไมถือพาสปอร์ตสีหน้าปกแตกต่างจากเรา วันนี้เราจะมาไขความลับที่ (บางคน) อาจจะยังไม่รู้ความแตกต่าง ของสีบนหน้าปกพาสปอร์ตกัน
ทุกคนคงจะทราบความสำคัญกันอยู่แล้วว่า “พาสปอร์ต” ที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศนั้น มีความสำคัญอย่างไร นั่นก็คือ เป็นหนังสือที่ใช้แสดงตัวตน ว่าเราคือใคร มาจากไหน ใช้เมื่อเวลาเดินทางไปต่างประเทศนั่นเอง
ประเทศไทยนั้น มีพาสปอร์ตด้วยกัน 4 ประเภท
1. หนังสือเดินทางธรรมดา (หน้าปกสีแดงเลือดหมู)
พาสปอร์ตแบบทั่วไป ออกให้สำหรับประชาชนทั่วไป หนังสือเดินทางมีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี
2. หนังสือเดินทางราชการ (หน้าปกสีน้ำเงินเข้ม)
หนังสือเดินทางมีอายุไม่เกิน 5 ปี ผู้ถือพาสปอร์ตเล่มนี้ต้องใช้ในราชการเท่านั้น พาสปอร์ตไม่สามารถนำไปใช้ในการเดินทางส่วนตัว
3. หนังสือเดินทางฑูต (หน้าปกสีแดงสด)
หนังสือเดินทางประเภทนี้จะมีอายุเดินทางไม่เกิน 5 ปี ( ไม่สามารถต่ออายุเพิ่มได้ )
ออกให้เฉพาะบุคคลดังต่อไปนี้
1.พระบรมวงศ์และพระนัดดาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2.พระอนุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้าและคู่สมรส
3.พระราชวงศ์และบุคคลสำคัญที่ราชเลขาธิการขอไปเป็นกรณีพิเศษ
4.ประธานองคมนตรี และองคมนตรี
5.นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี
6.ประธานและรองปรานสภาผู้แทนราษฎร์ ประธานและรองประธานวุฒิสภา
7.ประธานและรองประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์
8.ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานศาลปกครอง
9.อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ
10.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ
11.ข้าราชการที่มีตำแหน่งทางการทูต ซึ่งเดินทางไปราชการต่างประเทศ
12.ข้าราชการที่มีตำแหน่งทางการทูต ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ ณ ส่วนราชการในต่างประเทศ
คู่สมรส และบุตรในประเทศที่ประจำอยู่ หรือทำการศึกษาอยู่ และบุตรต้องมีอายุไม่เกิน 25 ปี
13.คู่สมรสที่ร่วมเดินทางไปกับบุคคลในข้อ 2-8
14.บุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการหรือภายใต้พันธกรณีระหว่างประเทศ
หรือภายใต้สถานการณ์ที่จำเป็น หรือเผยแพร่ชื่อเสียงให้กับประเทศไทย
4. หนังสือเดินทางชั่วคราว (หน้าปกสีเขียว)
อายุเดินทาง 2 ปี แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. หนังสือเดินทางพระ: ออกให้สำหรับภิกษุและสามเณร
ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ
2. หนังสือเดินทางเพื่อไปประกอบพิธีฮัจญ์
ออกให้ชาวมุสลิมเพื่อเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์
PASSPORT ต่างจาก VISA อย่างไร
พาสปอร์ต เป็นเอกสารที่ออกให้คนสัญชาติของตนใช้เป็นเอกสารแสดงตนในการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ก่อนจะเดินทางต้องนำพาสปอร์ต
วีซ่า คือ เอกสารที่แต่ละประเทศจะขอเรียกดูจากคนสัญชาติอื่น เพื่ออนุญาตให้คนสัญชาติอื่นๆ เดินทางเข้ามายังประเทศตนได้ โดยกำหนดให้ยื่นเอกสารเพื่อประกอบการพิจารณาก่อนว่าจะอนุญาตหรือไม่ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นบัตรผ่านเข้าประเทศ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทาง
ก่อนที่ท่านจะเดินทางไปประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว หรือ ทำงาน ธุรกิจ เรียน ฯลฯ ท่านควรศึกษากฎข้อบังคับภายในประเทศ และธรรมเนียมปฎิบัติก่อน เพื่อความปลอดภัย และไม่ทำสิ่งที่ผิดกฎหมายเพราะความไม่รู้ กรณีที่หนังสือเดินทาง (Passport) ของท่านหาย ท่านควรติดต่อเจ้าหน้าสถานฑูตประเทศไทยในประเทศนั้น ๆ ทันที เพื่อขอรับหนังสือเดินทางชั่วคราว เล่มสีเขียวสำหรับใช้เดินทางกลับประเทศ บางประเทศมีการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้า-ออก และอยู่ในประเทศนั้นได้ โดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่าเพื่อใช้ในการเข้าประเทศนั้นๆ โดยระยะเวลาที่แต่ละประเทศอนุญาตให้อยู่ในประเทศนั้นๆ ไม่เท่ากัน ซึ่งมาดังต่อไปนี้
ประเทศที่สามารถอยู่ได้ 90 วัน
เกาหลีใต้ , บราซิล , เปรู , อาร์เจนตินา , ชิลี , เอกวาดอร์ , ปานามา
South Korea , Brazil , Peru , Argentina , Chile , Ecuador , Panama
ประเทศที่สามารถอยู่ได้ 30 วัน
มาเลเซีย , ลาว , เวียดนาม , ฮ่องกง , มาเก๊า , อินโดนีเซีย , มองโกเลีย , รัสเซีย , ตุรกี , สิงคโปร์ , มัลดีฟส์ , แอฟริกาใต้ , เซเชลส์
Malaysia , Lao , Vietnam , Hong Kong , Macau , Indonesia , Mongolia , Russia , Turkey , Singapore , Maldives , South Africa , Seychelles
ประเทศที่สามารถอยู่ได้ 21 วัน
ฟิลิปปินส์ , Philippines
ประเทศที่สามารถอยู่ได้ 15 วัน
ญี่ปุ่น , Japan
ประเทศที่สามารถอยู่ได้ 14 วัน
บรูไน , บาร์เรน , กัมพูชา
Cambodia , Bahrain , Negara Brunei Darussalam
ข้อยกเว้นกรณีพิเศษ
สำหรับประเทศ ไต้หวัน สามารถเดินทางเข้าประเทศได้เลย ส่วนประเทศที่วีซ่าของท่านยังไม่หมดอายุของประเทศมีดังต่อไปนี้
ประเทศออสเตเลีย , ประเทศนิวซีแลนด์ , ประเทศแคนนาดา , ประเทศอเมริกา , ประเทศญี่ปุ่น , ประเทศในทวีปยุโรป (Schengen) , อังกฤษ UK.
________________________________________
ขอบคุณที่มาของข้อมูล: https://travel.mthai.com/news/142217.html และ https://www.thairath.co.th/content/501713
รูปภาพจาก กรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศ